• Home
  • เทคนิคความปลอดภัย เดินทางช่วงหน้าฝน

เทคนิคความปลอดภัย เดินทางช่วงหน้าฝน

เรื่องพื้นฐานที่สำคัญของการขับขี่รถบนท้องถนน ที่หลายๆคนมองข้าม คือ ความปลอดภัย ขณะเดินทางในช่วงที่ฝนตก อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดในช่วงที่ฝนตก ฝนที่ตกระหว่างการเดินทางนั้นเป็นอุปสรรคที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุได้ สายฝนที่โปรยปรายนั้นจะทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเส้นทางมีระยะที่สั้นลง และ หากคุณมีการใช้ความเร็วของรถในการเดินทาง ก็จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินและชีวิตได้ 

ประเมินล่วงหน้า ยามเดินทางช่วงฝนตก

ในการเดินทางยามฝนตกนั้น หลายๆครั้ง แม้คนขับรถจะระมัดระวังในเรื่องของความปลอดภัยขณะเดินทางแล้ว ระหว่างการเดินทางก็มีปัจจัยที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่คุณไม่ทันได้ตั้งตัวได้ เช่น

1.ถนนลื่น

เป็นปัจจัยแรกสุดที่สามารถทำให้การเดินทางช่วงฝนตกมักเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในช่วงฝนตกใหม่ๆ จะยิ่งทำให้พื้นผิวของถนนนั้นมีความลื่นเป็นพิเศษ เนื่องจากการผสมผสานระหว่างน้ำกับละอองฝุ่นบนผิวถนน ทำให้ถนนนั้นกลายสภาพคล้ายคลึงกับดินโคลน ถ้าเกิดมีการใช้ความเร็วในการเดินทางช่วงฝนตกนั้นก็มีโอกาส ทำให้ตัวรถสามารถลื่นไถลออกนอกเหนือจากการควบคุมของคุณได้อย่างง่ายดาย

2.แอ่งน้ำบนถนน

การที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก พื้นที่บ้างบริเวณของถนนจะมีลักษณะแอ่งกระทะ ทำให้น้ำฝนที่ตกลงมาได้ไหลมารวมกันจนทำให้เกิดเป็นแอ่งน้ำ เมื่อรถที่ใช้ความเร็ววิ่งผ่านพื้นที่ลักษณะบริเวณนี้จะทำให้ล้อของรถเกิดการลอยตัวและไม่เกาะถนน ด้วยความเร็วของรถจะทำให้รถเสียการทรงตัว และ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

3.เส้นทางที่มองไม่เห็น

ในช่วงที่ฝนตกหนักนั้น จะทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางได้ไม่มากนัก ถึงแม้จะมีใช้อุปกรณ์ปัดน้ำด้วยความเร็วสูงสุดแล้ว ก็ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน การขับรถจึงต้องระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ

4.สิ่งของที่กีดขว้าง

ด้วยพายุและลมฝนบ้างครั้งที่มีการตกอย่างหนัก และมีลมแรง อาจจะมีสิ่งกีดขว้างที่ได้หักโค่นลงกัดขว้างเส้นทางการจราจรได้ เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งคุณไม่ได้คาดคิดไว้อย่างแน่นนอน หากมีการใช้ความเร็วขณะขับขี่เมื่อเจอสิ่งเหล่านี้ จึงต้องควบคุมรถเพื่อหลบเลี่ยง หรือ หากใช้ความเร็วที่สูงมากการควบคุมรถก็เป็นเรื่องที่กระทำได้ยาก จึงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ จนทำให้เกิดการชนอย่างรุ่นแรงในที่สุด

วิธีการรับมือเมื่อต้องเดินทางช่วงฝนตก

เมื่อได้ทราบถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุแล้ว ก็ต้องทราบวิธีการป้องกันหรือลดการเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง

1.การตรวจสอบสภาพของรถ

สิ่งแรกเมื่อมีความจำเป็นต้องเดินทางขณะที่ฝนตกนั้น คุณควรตรวจสภาพความพร้อมของรถทุกครั้งก่อนออกเดินด้วยตัวเอง เช่น ตรวจเช็คสภาพยางของรถว่ามีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ เพราะล้อยางที่มีสภาพพร้อมใช้งานจะมีความสามารถในการรีดน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้รถสามารถเกาะพื้นผิวของถนนได้อย่างไรกังวล อุปกรณ์ปัดน้ำฝน สามารถทำงานได้อย่างปกติ สามารถปรับความเร็วของการกวาดน้ำฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อวิสัยทัศน์ในการมองเส้นทาง

2.ระยะห่างระหว่างคัน

เมื่อคุณมีความรู้สึกถึงผิวของถนนที่มีความลื่น การเว้นระยะทางให้ห่างจากรถคันด้านหน้าสามารถช่วยป้องกันการชน ที่เกิดจากการเบรคกระทันหันได้ และในช่วงที่มีฝนตกหนักควรเพิ่มระยะห่างให้มากขึ้นกว่าปกติ เพื่อการเบรคที่ไม่มีประสิทธิภาพจึงควรเพิ่มระยะทางสำหรับการชะลอความเร็วของรถ

3.สัญญาณไฟที่ถูกต้อง

ไม่ควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเดินทางในช่วงฝนตก เพราะจะทำให้เพื่อนร่วมทางนั้นเกิดความเข้าใจผิดว่า รถของคุณกำลังจอดหรือกำลังเกิดปัญหา ทำให้เกิดการเบี่ยงเพื่อเปลี่ยนเลนจนทำให้เกิดอันตราย อีกทั้งควรเปิดไฟหน้าของรถเสมอเพื่อให้รถคันด้านหน้าสามารถมองเห็นคุณได้อย่างชัดเจน

ดูแลรถให้พร้อมใช้งานเสมอ

ดูแลอุปกรณ์ที่สำคัญของรถยนต์อย่างไรเพื่อให้พร้อมใช้งานเสมอ เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนการดูแลรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ จะช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี และ ลดอาการเสียของรถระหว่างการเดินทาง

1.ไดสตาร์ท

ตรวจเช็คเพื่อป้องกันน้ำที่อาจจะรั่วไหลไปยังระบบไฟฟ้าของไดสตาร์ท เพื่อให้อุปกรณ์สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น วิธีการตรวจเช็คไดสตาร์ท หากอุปกรณ์อยู่ในสภาพปกติการสตาร์ทของเครื่องยนต์จะต้องติดภายในครั้งเดียว หากเกิดทำการสตาร์ท 2-3 ครั้งแล้วเครื่องยนต์ติดหรือต้องใช้เวลานานมากกว่าปกติ แสดงว่าอุปกรณ์เริ่มมีปัญหาแล้ว

2.ถังน้ำมัน

ถังน้ำมันที่ควรตรวจเช็คไม่ใช้เพียงแค่ถังน้ำมันเชื้อเพลิง รวมไปถึงถังน้ำมันอื่นๆด้วย เช่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง ซึ่งหากมีน้ำเข้าไปผสมเข้ากับน้ำมันจะทำให้เครื่องยนต์สามารถน็อคและพังได้ขณะเดินทาง รวมไปถึงน้ำหล่อเย็นที่ควรจะมีการตรวจเช็คด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันการเสียของรถระหว่างเดินทาง

3.กรองอากาศ  

ในกรณีที่คุณได้เดินทางในเส้นทางที่มีน้ำขัง คุณควรตรวจเช็คสภาพของกรองอากาศ เพื่อตรวจเช็คว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดที่กรองอากาศหรือไม่ เพราะอากาศเป็นสิ่งสำคัญของการทำงานของเครื่องยนต์ หากกรองอากาศไม่ได้รับการดูแลที่เป็นอย่างดี จะทำให้เครื่องยนต์นั้นจะดูดอากาศที่ไม่ได้ผ่านการกรองเข้าไปยังภายในของเครื่องยนต์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียของเครื่องยนต์ได้

Categories:

Leave Comment