เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในขณะที่คุณกำลังขับรถ ไม่ว่าจะเป็นเพราะรถคันอื่นๆ หรือ ความผิดปกติของเครื่องยนต์เองก็ตาม เราจะต้องมีความพร้อมและมีสติอยู่เสมอ ในการแก้ไขปัญหา โดยบทความนี้จะกล่าวถึงเรื่องของคันเร่งของรถยานพาหนะ หากคันเร่งเกิดค้างควรทำอย่างไร

ห้ามดับเครื่องยนต์

การดับเครื่องยนต์ในขณะที่คันเร่งค้างนั้น บ้างครั้งสำหรับคนขับขี่ที่ไม่มีความชำนาญ ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ควบคุมรถไม่ได้อย่างตามต้องการ เพราะการดับเครื่องยนต์นั้นเป็นการตัดระบบการทำงานของรถทั้งหมด แม้กระทั่งระบบพวงมาลัย และ ระบบเบรค ซึ่งการดับเครื่องยนต์ไม่เพียงทำให้คุณควบคุมรถไม่ได้ แต่ยังทำให้คุณไม่สามารถใช้เบรกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย

ใช้เป็นเกียร์ว่าง

การเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่าง เป็นวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้อย่างหลากหลายอาการ เพราะการใช้เกียร์ว่าง ทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถส่งกำลังไปยังระบบอื่นๆได้ ในกรณีนี้ หากคันเร่งค้างอยู่ นั้นหมายถึงเครื่องยนต์พยายามเร่งตัวขึ้น แต่เมื่อเราเปลี่ยนมาเป็นเกียร์ว่างแล้ว อัตราเร่งของเครื่องยนต์ก็จะตกลงเรื่อยๆ แต่ถ้าหากเสียงเร่งเครื่องยนต์ดังเพิ่มขึ้นกว่าเดิม คุณไม่จำเป็นต้องตกใจ เพราะเครื่องยนต์พยายามเพิ่มความเร็วรอบ แต่ไม่สามารถทดเกียร์เพิ่มกำลังได้

การนำรถยนต์เข้าในพื้นที่ปลอดภัย

การใช้เบรคในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็ว ต้องใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะหากต้องเบรกทั้งๆที่คันเร่งยังค้างอยู่ คุณต้องควบคุมการใช้เบรกในน้ำหนักที่เหมาะสม เมื่อเราเข้าเกียร์ว่างแล้ว เครื่องยนต์จะไม่ส่งกำลังไปยังระบบเกียร์ แต่ความเร็วรถยังคงที่อยู่ และจะลดลงเรื่อยๆตามการไหลของรถ คุณไม่ควรเบรกจนสุดตัว เพราะจะทำให้เกิดการเสียหลักได้ โดยเฉพาะทางโค้ง ดังนั้นควรพยายามควบคุมรถให้อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางพวงมาลัยให้ได้มากที่สุดทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วยว่า ทางข้างหน้าคุณนั้นเป็นอย่างไร เช่น หากมีรถติดหรือรถหนาแน่นที่คุณไม่สามารถชะลอการเบรกได้ เป็นต้น คุณจำเป็นต้องเบรกสุดตัว และต้องควบคุมรถให้ดี เมื่อคุณพ้นพื้นที่อันตรายแล้ว พยายามหาข้างทางที่สามารถนำรถเข้าจอดได้ โดยการควบคุมเบรกเป็นจังหวะสลับกับการปล่อยให้รถไหลไปเอง เมื่อรถเข้าข้างทางอย่างปลอดภัยแล้วจึงดับเครื่องยนต์ และทำการโทรเรียกช่าง หรือเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับความช่วยเหลือ